คอลลาเจนคืออะไร
คอลลาเจนเป็นโปรตีนส่วนประกอบสำคัญในโครงสร้างของกระดูกอ่อน ข้อต่อ ผิวหนัง เส้นผม และเล็บ ช่วยให้เนื้อเยื่อในร่างกายสามารถคงรูปร่างและทำงานได้เป็นปกติ
ประเภทของคอลลาเจน
คอลลาเจนชนิดที่ 1 (Collagen type I) เป็นคอลลาเจนชนิดที่มีปริมาณมากที่สุดในร่างกาย พบมากในผิวหนัง ช่วยให้ผิวหนังมีความยืดหยุ่น ปกป้องเนื้อเยื่อไม่ให้ฉีกขาดง่าย และช่วยในกระบวนการสมานบาดแผล ดังนั้น การเสริมคอลลลาเจนชนิดนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการให้ผิวพรรณเต่งตึงกระชับ ลดความหย่อนคล้อย
คอลลาเจนชนิดที่ 2 (Collagen type II) หรือ “คอลลาเจนไทพ์ทู” เป็นคอลลาเจนชนิดที่พบในกระดูกอ่อน กระดูกข้อต่อ ช่วยในการสร้างกระดูกอ่อน ซ่อมแซมข้อที่เสียหายหรือสึกกร่อน โดยกระตุ้นให้มีการสร้างเซลล์ข้อใหม่ ๆ เพิ่มขึ้น ช่วยป้องกันอาการเจ็บข้อเมื่ออายุมากขึ้น ลดการเสื่อมของไขข้อ และบรรเทาอาการโรคไขข้อต่าง ๆ คอลลาเจนชนิดที่ 2 จึงเหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาข้อต่อไม่แข็งแรง ข้ออักเสบ ผู้ที่ต้องการบำรุงและเสริมสร้างความแข็งแรงของข้อ และวัย 40+ ที่มีอาการปวดข้อ และมักพบปัญหาข้อเสื่อมตามวัย ปัจจุบันมีการสกัดคอลลาเจนชนิดที่ 2 ให้อยู่ในรูปแบบที่ใกล้เคียงกับคอลลาเจนที่ร่างกายสร้างขึ้น จึงสามารถเข้ากันได้กันร่างกาย และดูดซึมได้ดีกว่าคอลลาเจนรูปแบบอื่น เรียกว่า “คอลลาเจนยูซีทู” (Undenatured Collagen Type II; UC-II)
ไฮโดรไลซค์คอลลาเจนไตรเปปไทด์ (Hydrolyzed Fish Collagen Tripeptide) เป็นคอลลาเจนที่ผ่านกระบวนการย่อยลดขนาด ได้เป็นคอลลาเจนไตรเปปไทด์หรือโปรตีนสายสั้น ทำให้ดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้ง่ายกว่าคอลลาเจนทั่วไป ช่วยกักเก็บน้ำและให้ความนุ่มชุ่มชื่นแก่ชั้นผิว ช่วยให้ผิวคงความสมบูรณ์และซ่อมแซมตัวเองได้ดีขึ้น
คอลลาเจนสร้างได้เองหรือไม่
ร่างกายสามารถสร้างคอลลาเจนได้เองจากการรับประทานอาหารบางประเภท เช่น กระดูกอ่อน แต่ในผู้ที่ร่างกายเริ่มเกิดความเสื่อม เช่น ผู้ที่มีอายุ 30 ปีขึ้นไป พักผ่อนไม่เพียงพอ ผู้ที่มีความเครียด พบว่าการสังเคราะห์คอลลาเจนจะลดลง จนไม่เพียงพอกับความต้องการของร่างกาย ปัจจัยเหล่านี้จะทำให้เกิดอาการข้อเสื่อม ปวดข้อ ผิวหนังหย่อนคล้อย เหี่ยวย่น ไม่เรียบเนียนและเกิดริ้วรอยได้ง่าย
การดูแลตนเองและการปรับพฤติกรรม
นอกเหนือจากการใช้คอลลาเจนเสริมแล้ว การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ตามหลักโภชนาการครบ 5 หมู่ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ นอนพักผ่อนให้เพียงพอ และหลีกเลี่ยงความเครียด ก็เป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้ร่างกายมีสุขภาพดี
เทคนิคการใช้คอลลาเจนให้ได้ประโยชน์สูงสุด
เพื่อให้คอลลาเจนออกฤทธิ์ดีและมีประสิทธิภาพมากที่สุด ควรรับประทาคอลลาเจนอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกลุ่มคนที่ร่างกายมีความเสื่อม หรืออายุ 30 ปีขึ้นไป แม้ว่าอาหารที่เรารับประทานในชีวิตประจำวันจะมีคอลลาเจน แต่มีปริมาณน้อยจึงมักไม่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย การรับประทานอาหารเสริมคอลลาเจนที่มีการสกัดเข้มข้น และผ่านการย่อยลดขนาดแล้ว จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ช่วยให้ร่างกายได้รับปริมาณคอลลาเจนอย่างเพียงพอ ช่วยฟื้นฟูผิวพรรณและบำรุงข้ออย่างมีประสิทธิภาพ โดยทั่วไปเราควรได้รับคอลลาเจนในปริมาณ 2.5-30 มิลลิกรัมต่อวัน
M TALE CALLAGEN ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารประกอบด้วย “คอลลาเจนไทพ์ทู” ในรูปของ “ยูซีทู” นำเข้าจากประเทศสหรัฐอเมริกา ในปริมาณเข้มข้นสูงถึง 40 มิลลิกรัมต่อ 1 ซอง เป็นคอลลาเจนที่เข้ากันได้ดีกับร่างกาย ดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้ดีกว่าคอลลาเจนชนิดอื่น เพราะมีลักษณะใกล้เคียงกับคอลลาเจนที่ร่างกายสร้างขึ้น จึงมีความบริสุทธิ์สูง จึงมั่นใจได้ในความปลอดภัย ช่วยซ่อมแซมส่วนที่เสียหายของข้อได้อย่างเต็มที่ เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย โดยกระตุ้นให้มีการสร้างเซลล์ใหม่บริเวณข้อเพิ่มขึ้น และออกฤทธิ์ลดการสลายน้ำหล่อเลี้ยงข้อ ช่วยให้ข้อเคลื่อนไหวได้ดีและลดความเสื่อมของกระดูกอ่อนบริเวณข้อต่อ ช่วยให้ข้อสามารถซ่อมแซมตัวเองได้ตามธรรมชาติ
นอกจากนี้ M TALE CALLAGEN ยังประกอบไปด้วย “ไฮโดรไลซค์คอลลาเจนไตรเปปไทด์” (Hydrolyzed Fish Collagen Tripeptide) จากปลาน้ำจืดมีขนาดเล็กดูดซึมได้เร็วกว่าคอลลาเจนทั่วไป ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับผิว ผิวแลดูอ่อนกว่าวัย นอกจากนี้ แคลเซียมอะมิโนแอซิดตีเลต และแร่ธาตุสำคัญที่ร่างกายต้องการหลายชนิด ได้แก่ ฟอสฟอรัส แมกนีเซียม โพแทสเซียม สังกะสี และทองแดง M TALE CALLAGEN จึงช่วยบำรุงสุขภาพกระดูกและข้อที่แข็งแรงของวัย 40+ ได้อย่างครบถ้วน
เอกสารอ้างอิง
แคลเซียมผสมคอลลาเจนบำรุงกระดูก บำรุงข้อต่อ บำรุงผิว CALLAGEN