คนส่วนใหญ่มักจะมองข้ามอาการปวดที่เกิดตามข้อต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นนิ้วมือ นิ้วเท้า ข้อเท้า ข้อเข่า หรือข้อสะโพก และมักคิดว่าเป็นแค่การปวดที่เกิดขึ้นตามอายุหรือบาดเจ็บจากการใช้งาน แค่กินยาเดี๋ยวก็ดีขึ้น แต่ทราบหรือไม่ว่าการรับประทานยาเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ อาการปวดข้ออาจหายไปเพียงชั่วคราวเท่านั้น หากสาเหตุยังไม่ได้รับการแก้ไข อาการปวดข้อก็กลายเป็นปวดเรื้อรังที่มีความรุนแรงมากขึ้น ส่งผลต่อคุณภาพชีวิตและชีวิตประจำวันได้
อาการปวดข้อ...อย่ารอช้า
โรคข้อ เกิดได้จากหลายสาเหตุ ทำให้ข้อที่มีปัญหาเกิดการปวด บวม แดง ร้อน และลดการเคลื่อนไหวของข้อนั้น ๆ เนื้อเยื่อรอบข้อต่างก็จะมีการอักเสบร่วมด้วย สำหรับโรคข้อบางชนิดสามารถรักษาให้หายได้ แต่ชนิดที่มีการอักเสบเรื้อรัง ก็จำเป็นต้องรักษาไปตลอดชีวิต ถ้าคุณมีอาการปวดข้อ ข้อติด ข้อบวมมากกว่า 2 สัปดาห์ ควรปรึกษาแพทย์ การหาสาเหตุให้พบแต่เนิ่น ๆ และเริ่มดูแลตนเองเป็นวิธีที่ดีที่สุดค่ะ
สาเหตุของอาการปวดข้อ
อาการปวดข้อโดยมากเป็นผลมาจากภาวะการอักเสบของข้อ ซึ่งเกิดได้จากหลายส่วนไม่ว่าจะเป็นกระดูกอ่อน หมอนรองข้อ เส้นเอ็นบริเวณข้ออักเสบ หรือเนื้อเยื่อรอบข้อก็ได้ การวินิจฉัยหาสาเหตุที่ทำให้ข้ออักเสบจึงควรพบแพทย์ เพราะสาเหตุของข้ออักเสบมีหลากหลาย
ส่วนใหญ่สาเหตุที่เราคุ้นเคยกันมากที่สุด มักเป็นข้ออักเสบจากภาวะข้อเสื่อมตามวัย ซึ่งหากไม่ได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม มีการอักเสบ บวม ปวดเรื้อรังเป็นเวลานาน ก็จะกลายเป็นสาเหตุของภาวะข้อเสื่อมอย่างถาวร ซึ่งเป็นอุปสรรคในการดำเนินชีวิตประจำวัน และหมดโอกาสในการทำงานไปอย่างน่าเสียดาย
วิธีการดูแลรักษาข้อ
1. การออกกำลังกาย สำหรับผู้ที่อยากมีข้อที่แข็งแรงแนะนำให้ออกกำลังกายในท่าที่ถูกต้องและสม่ำเสมออย่างน้อย 3-4 วัน/สัปดาห์ เพราะการออกกำลังกายจะช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ ทำให้ข้อมีความยืดหยุ่น ปกป้องกระดูกข้อ
2. การทานอาหารที่ถูกหลักโภชนาการ และช่วยบำรุงข้อ เช่น ปลา ปลาทะเล คอลลาเจน น้ำมันปลา งาดำ เป็นต้น
3. การควบคุมน้ำหนักให้เหมาะสมกับส่วนสูง การควบคุมน้ำหนักจะช่วยลดการปวดของข้อ และทำให้สุขภาพข้อแข็งแรง ค่าดัชนีมวลกาย (BMI) ควรอยู่ในช่วง 18.6-24
4. การใช้ความร้อน และความเย็นประคบ ช่วยลดความเจ็บปวดลงได้ชั่วคราว โดยหากมีอาการปวดฉับพลันภายใน 24-48 ชั่วโมง ให้ใช้การประคบเย็น แต่หากเลย 48 ชั่วโมงไปแล้ว ให้ใช้การประคบร้อนแทน
การรักษาอาการปวดข้อด้วยยา เช่นยากลุ่มลดอักเสบ NSAIDs, กลูโคซามีน (Glucosamine) หรือ คอนดรอยทิน (Chondroitin) แม้ว่าช่วงแรกจะให้ผลดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งการรับประทานยาลดอักเสบในกลุ่ม NSAIDs จะทำให้เกิดอาการข้างเคียงต่าง ๆ ตามมา ไม่ว่าจะเป็นอาการปวดท้อง โรคกระเพาะอาหาร จนถึงขั้นเลือดออกในกระเพาะอาหารได้ หากใช้ต่อเนื่องนานในขนาดที่สูงเกินไป สำหรับยากลูโคซามีน และคอนดรอยทิน แม้ว่าจะได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นยา แต่ก็พบว่าผู้ป่วยส่วนใหญ่ไม่พบความแตกต่างในการรักษา หรืออาการปวดที่ลดลงระหว่างใช้หรือไม่ใช้ยา
การรักษาอาการปวดข้อด้วยคอลลาเจน
คอลลาเจนเป็นโปรตีนที่สำคัญในโครงสร้างของผิวหนัง เส้นผม และเล็บ ช่วยให้ผิวหนังและข้อต่อมีความยืดหยุ่น ในผู้ที่มีอายุมากกว่า 30 ปี ขึ้นไป หรือมีความเครียด การสังเคราะห์คอลลาเจนจะลดลงทำให้เกิดข้อเสื่อม ปวดข้อ ผิวหนังหย่อนคล้อย เหี่ยวย่นได้ง่าย ดังนั้น การรับประทานคอลลาเจนเสริมจึงเป็นอีกทางหนึ่งที่ได้รับความนิยม ซึ่งหากให้ดีควรเลือกใช้คอลลาเจนที่ดูดซึมได้ง่าย เช่น คอลลาเจนไตรเปปไทด์หรือโปรตีนสายสั้น ซึ่งผ่านกระบวนการย่อยลดขนาด ทำให้ดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้ง่ายกว่าคอลลาเจนทั่วไป ช่วยให้ข้อกักเก็บน้ำหล่อเลี้ยงข้อและความชุ่มชื่นไว้ได้ดี และช่วยให้ข้อซ่อมแซมตัวเองได้ดีขึ้น ยี่ห้อทางการค้าที่น่าเชื่อถือ เช่น ยูซีทู (Undenatured Collagen Type II; UC-II) ผลิตและจำหน่ายโดยสหรัฐอเมริกา เป็นคอลลาเจนชนิดที่ 2 ที่มีลักษณะใกล้เคียงกับคอลลาเจนที่ร่างกายสร้างขึ้น ช่วยซ่อมแซมข้อส่วนที่เสียหาย โดยกระตุ้นให้มีการสร้างเซลล์ใหม่ที่ข้อเพิ่มขึ้น และออกฤทธิ์ยับยั้งเอนไซม์ที่ย่อยสลายน้ำหล่อเลี้ยงข้อ จึงช่วยให้ข้อเคลื่อนไหวได้ดีและลดความเสื่อมของกระดูกอ่อนบริเวณข้อ ทำให้ร่างกายมีการซ่อมแซมข้อตามธรรมชาติ โดยทั่วไปเราควรได้รับคอลลาเจนในปริมาณ 2.5-30 มิลลิกรัมต่อวัน เนื่องจากคอลลาเจนมีความปลอดภัยสูง สามารถรับประทานต่อเนื่องได้โดยไม่เกิดพิษ จึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับผู้ที่ต้องการบำรุงและรักษาข้อในระยะยาว
ผลทดสอบเปรียบเทียบการรักษาด้วยยา กับ คอลลาเจน (ยูซีทู)
จากการศึกษาวิจัยหลากลายงานวิจัยโดย Lugo, Vasiliadis และคณะ, Henrotin และคณะ พบว่าการใช้คอลลาเจน “ยูซีทู (UC-II®)” ช่วยลดอาการปวด อาการข้อติดโดยรวมในอาสาสมัครที่มีอาการปวดข้อ และสามารถเพิ่มการทำงานของข้อได้มากขึ้นทั้งด้านการเคลื่อนไหวและการยืดหยุ่นของข้อ (ประเมินโดยใช้ WOMAC Score, VAS Score และ LFI Score) ได้ดีกว่าการใช้ยากลูโคซามีนเดี่ยว คอนดรอยทินเดี่ยว หรือสูตรผสมระหว่างกลูโคซามีนและคอนดรอยทิน ที่ระยะเวลาการใช้ 60 วัน
สรุปแนะนำการตัดสินใจใช้
แม้ว่ายาจะออกฤทธ์ได้รวดเร็ว แต่การใช้ต่อเนื่องมักทำให้เกิดอาการข้างเคียงหลายอย่างตามมา การใช้ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารบำรุงข้อ เช่น คอลลาเจนยูซีทู ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่มีผลงานวิจัยชั้นนำจากต่างประเทศยืนยัน ทั้งยังมีความปลอดภัยกว่าเมื่อใช้ในระยะยาว อย่างไรก็ตาม หากอาการข้อที่เป็นมีความผิดปกติมาก ควรพบแพทย์เพื่อรับการรักษาโดยผู้เชี่ยวชาญร่วมด้วย
M TALE CALLAGEN ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารประกอบด้วย “คอลลาเจนไทพ์ทู - ยูซีทู” เข้มข้น 40 มิลลิกรัมต่อ 1 ซอง และ“ไฮโดรไลซค์คอลลาเจนไตรเปปไทด์” (Hydrolyzed Fish Collagen Tripeptide) จากปลาน้ำจืด ช่วยซ่อมแซมส่วนที่เสียหายของข้อได้อย่างเต็มที่ เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย โดยกระตุ้นให้มีการสร้างเซลล์ใหม่บริเวณข้อเพิ่มขึ้น และออกฤทธิ์ลดการสลายน้ำหล่อเลี้ยงข้อ ช่วยให้ข้อเคลื่อนไหวได้ดีและลดความเสื่อมของกระดูกอ่อนบริเวณข้อต่อ ช่วยให้ข้อสามารถซ่อมแซมตัวเองได้ตามธรรมชาติ M TALE CALLAGEN จึงช่วยบำรุงสุขภาพกระดูกและข้อให้แข็งแรงได้อย่างครบถ้วน
เอกสารอ้างอิง
แคลเซียมผสมคอลลาเจนบำรุงกระดูก บำรุงข้อต่อ บำรุงผิว CALLAGEN